1.3 กฎหมายอาญา

1.3  กฎหมายอาญา

กฎหมายอาญา

    กฎหมายที่รวมเอาลักษณะความผิดต่าง ๆ และกำหนดบทลงโทษมาบัญญัติขึ้น 
ด้วยมีจุดประสงค์จะรักษาความสงบเรียบร้อยภายในสังคม การกระทำที่มีผลกระทบกระเทือน
ต่อสังคมหรือคนส่วนใหญ่ของประเทศถือว่าเป็นความผิดทางอาญา 
ความรับผิดในทางอาญา หรือการกระทำความผิดทางอาญาซึ่งจะเกิดผลร้ายทำให้ถูกลงโทษ
นอกจากจะต้องเป็นการกระทำที่มีกฎหมายบัญญัติว่า เป็นความผิดแล้วผู้กระทำผิดยังต้องทำไปด้วย
เจตนาโดย ยกเว้นการกระทำบางชนิดที่มีกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนว่า แม้กระทำโดยไม่เจตนา 
หรือกระทำโดยประมาทก็ต้องรับผิด
เจตนา คือ การกระทำผิดทางอาญาที่ผู้กระทำรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ตนทำนั้นเป็นความผิดแล้วยังทำลงไป
ทั้ง ๆ ที่รู้สำนึกในการที่กระทำ
ประมาท คือ การกระทำที่ผู้กระทำมิได้ตั้งใจให้เกิดผลร้ายแก่ใคร แต่เนื่องจากกระทำโดยไม่ระมัดระวัง
หรือระมัดระวังไม่เพียงพอ ทำให้เกิดผลร้ายแก่ผู้อื่น
ไม่เจตนา คือ การกระทำที่ผู้กระทำตั้งใจทำเพื่อให้เกิดผลอย่างหนึ่ง แต่ผลเกิดขึ้นมากกว่าที่ตั้งใจไว้ 
พยายามกระทำความผิด คือผู้กระทำความผิดได้ลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอดหรือ 
กระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล
ตัวการ คือ กรณีที่ความผิดได้เกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำ 
ความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ
ผู้สนับสนุน คือ ผู้ที่กระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่น 
กระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด
ความผิดต่อแผ่นดิน คือ ความผิดในทางอาญาในเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่นอกจากจะมีผลต่อตัวผู้รับ 
ผลร้ายแล้วยังมีผลกระทบต่อสังคมเสียหายอีกด้วย และ ยอมความไม่ได้
ความผิดต่อส่วนตัว คือ ความผิดในทางอาญาซึ่งไม่ได้มีผลร้ายกระทบต่อสังคมโดยตรง 
หากตัวผู้รับผลร้ายไม่ติดใจเอาความแล้ว รัฐก็ไม่อาจยื่นมือเข้าไปดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดได้และ
ถึงแม้จะได้ดำเนินคดีไปบ้างแล้ว เมื่อตัวผู้เสียหายพอใจยุติคดีเพียงใดก็ย่อมทำได้ด้วยการถอนคำร้อง
ทุกข์ ถอนฟ้อง หรือยอมความได้
1. ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ของผู้อื่น
  • ลักทรัพย์
  • วิ่งราวทรัพย์
  • ชิงทรัพย์
  • ปล้นทรัพย์
  • ยักยอกทรัพย์
  • ฉ้อโกงทรัพย์
  • รับของโจร
  • บุกรุก
  • ทำให้เสียทรัพย์
  • ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
  • ฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา
  • ทำร้ายร่างกายผู้อื่น
  • ความผิดฐานทอดทิ้งเด็ก คนป่วย หรือคนชรา

4. ความผิดเกี่ยวกับการปลอมแปลง การ ปลอมแปลง คือ การทำให้มีขึ้นซึ่งของปลมอ เช่น ธนบัตรปลอม 
เอกสารปลอมโฉนดที่ดินปลอมการแปลง คือ การทำของเดิมซึ่งมีอยู่จริงเปลี่ยนสภาพไป เช่น
 เจาะเอาเนื้อเงินออกจากเหรียญห้าบาทบางส่วน
5. ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชน
  • ความผิดฐานการวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น
  • ทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท
  • ปลอมปนอาหาร ยา เครื่องอุปโภค บริโภค
  • การคิดร้ายทำลายสถาบันกษัตริย์
  • การคิดร้ายทำลายผู้แทนของประเทศที่มีสัมพันธไมตรีกับไทย
  • การคิดร้ายต่อประเทศไทย
  • การดูถูก ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน
  • การติดสินบนเจ้าพนักงาน
  • การต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน
  • เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ของทางราชการ
  • เจ้าพนักงานรับสินบนจากประชาชน
  • เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ
  • เจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่
  • เจ้าพนักงานละทิ้งหน้าที่
  • ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน
  • แม้กระทำโดยไม่มีเจตนาก็เป็นความผิด
  • ผู้พยายามหรือผู้สนับสนุนไม่ต้องรับโทษ

สภาพบังคับทางอาญา
"บุคคลจักต้องรับโทษในทางอาญาต่อเมื่อได้กระทำการอันกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำนั้น บัญญัติเป็นความผิด
และกำหนดโทษไว้และโทษที่จะลงแก่ผู้กระทำความผิดนั้นต้องเป็นโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย"
หลัก ดังกล่าวนี้เป็นหลักสภาพบังคับทางอาญาที่สำคัญซึ่งอาจจะถือได้ว่า เป็นหัวใจของ 
“กฎหมายอาญา” หลักนี้ได้กล่าวถึงลักษณะสำคัญของกฎหมายอาญาเอาไว้ 4 ประการ คือ
1. กฎหมายอาญาต้องชัดเจนแน่นอน
2. ห้ามใช้กฎหมายจารีตประเพณีลงโทษทางอาญาแก่บุคคล
3. ห้ามใช้กฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งลงโทษทางอาญาแก่บุคคล
4. กฎหมายอาญาไม่มีผลย้อนหลัง
โทษทางอาญา หรือ สภาพบังคับทางอาญานั้น มีผลหรือมาตรการที่รุนแรงในเรื่องการจำกัดสิทธิ ในร่างกาย 
ดังนั้นจะต้องมีความชัดเจนแน่นอนไม่กำกวม ซึ่งแตกต่างจากกฎหมายแพ่งกล่าวคือ ในกฎหมายแพ่งนั้นมีหลักอยู่ว่า
จะปฏิเสธว่าไม่มีกฎหมายมาปรับใช้ไม่ได้ส่วน กฎหมายอาญานั้น จะอุดช่องว่างของกฎหมายโดยการเทียบเคียงบท
กฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งในทาง ที่เป็นโทษไม่ได้ แต่ในทางที่เป็นคุณแล้วย่อมกระทำได้

โทษทางอาญา
1.ประหารชีวิต คือ นำตัวไปยิงด้วยปืนให้ตาย
2.จำคุก คือ นำตัวไปขังไว้ที่เรือนจำ     
3.กักขัง คือนำตัวไปขังไว้ ณ ที่อื่น ที่ไม่ใช่เรือนจำ เช่น นำไปขังไว้ที่สถานีตำรวจ
4.ปรับ คือ นำค่าปรับซึ่งเป็นเงินไปชำระให้แก่เจ้าพนักงาน
5.ริบทรัพย์สิน คือ ริบเอาทรัพย์สินนั้นเป็นของหลวง เช่น ปืนเถื่อน ให้ริบ ฯลฯ
ความผิดทางอาญา
  1. ความผิดอาญาแผ่นดิน เช่น ทำร้ายร่างกาย ฆ่าคนตาย ลักทรัพย์
  2. ความผิดที่ยอมความกันได้ เช่น ลูกลักทรัพย์พ่อแม่
  3. ความผิดลหุโทษ เป็นความผิดทางอาญาที่มีโทษเบา จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ เช่น เปลือยกาย ทำลามก ส่งเสียงดัง ยิงปืนในชุมชน
ผลทางกฎหมายอาญา
  1. ยกเว้นความผิด เช่น การกระทำเพื่อป้องกัน
  2. ยกเว้นโทษ เช่น สามีลักทรัพย์ภรรยา
  3. ยอมความได้ เช่น ลูกลักทรัพย์บิดา พี่ลักทรัพย์น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
  4. ลดโทษ เหตุลดโทษเพราะบันดาลโทสะ
  5. เพิ่มโทษ ถ้ามีการกระทำความผิดซ้ำ ศาลอาจจะเพิ่มโทษได้แล้วแต่กรณี
  6. รอการลงโทษ
โทษทางอาญาของไทย มี 5 สถาน
  1. ประหารชีวิต (ฉีดยาพิษ)
  2. จำคุก (ในเรือนจำ)
  3. กักขัง
  4. ปรับ
  5. ริบทรัพย์
ประเภทของการลักทรัพย์
  1. ลักทรัพย์ เอาสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริต
  2. วิ่งราวทรัพย์ ฉกฉวยซึ่งหน้า
  3. ชิงทรัพย์ ใช้กำลังประทุษร้าย
  4. ปล้นทรัพย์ ร่วมกันชิงทรัพย์ตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป
  5. ยักยอกทรัพย์ เบียดบังเอาทรัพย์ผู้อื่นมาเป็นของตน
ศัพท์กฎหมายอาญา
  1. ซ่องโจร คน 5 คนขึ้นไปสมคบกันทำผิดทางอาญา
  2. ก่อการจลาจล คน 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญเพื่อทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย
  3. อั้งยี่ คณะบุคคลปกปิดวิธีดำเนินการ และมุ่งหมายทำผิดกฎหมาย
ผู้บังคับให้เป็นไปตามกฎหมาย

  1. พนักงานฝ่ายปกครองและตำรวจ
  2. พนักงานสอบสวน
  3. อัยการ

ที่มา กฎหมายที่เกี่ยวข้องในชีวิตประจำวัน
http://singkle.blogspot.com/p/blog-page_6535.html
http://www.baanjomyut.com/library_2/extension-3/human_society/20.html
https://sites.google.com/site/sangkhmm2/hnwy-kar-reiyn-ru-thi3/reuxng-thi-1kdhmay-thi-keiywkhxng-kab-chiwit-praca-wan
https://aruneelpru.wordpress.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%8F%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%9

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น