หน่วยการเรียนรู้ที่ 2
ปรากฏการณ์ทางภูมิศาสตร์
พร้อมกับจึงมีการประยุกต์ความรู้ทางด้านของฟิสิกส์จำนวนมาก เพื่อที่จะนำมาสำรวจโลกในระดับที่ลึกลงไปอีก โดยมักจะมีการใช้คลื่นไหวสะเทือนประกอบกับความรู้ภายในเรื่องคุณสมบัติของคลื่นที่มีการหักเหและก็มีการสะท้อนในตัวกลางคุณสมบัติต่าง ๆ กัน จขนทำให้เราคาดคะเนกันได้ดังต่อไปนี้ โดยโครงสร้างของโลกของเรานั้นก็จะแบ่งเป็น 3 ชั้น ได้แก่ แก่นโลก (Core) เนื้อโลก (Mantle) และเปลือกโลก (Crust) เป็นต้น
โครงสร้างของโลก จะแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ได้แก่
เราสามารถแบ่งกลุ่มของโครงสร้างภายในของโลกได้เป็น 3 ชั้น และก็ในแต่ละชั้นก็มักจะมีความไม่ต่อเนื่องกั้นกลางเอาไว้อยู่ ได้แก่
1. แก่นโลก ถือได้ว่าเป็นส่วนที่อยู่ชั้นในลึกที่สุดของโลก พร้อมกับมีความหนาประมาณ 3,470 กิโลเมตร ซึ่งจะสามารถแบ่งเป็นส่วนย่อยๆออกจากกันเป็น 2 ชั้น ด้วยความที่ชั้นทั้งสองไม่ต่อเนื่องเลอห์มานน์
- แก่นโลกชั้นใน มีความหนาอยู่ประมาณ 1,370 กิโลเมตร พร้อมกับบริเวณพื้นที่ดังกล่าวนั้นมักจะมีลักษณะค่อนข้างแข็งและหนาแน่นมาก ซึ่งคาดการณ์ว่าบริเวณแก่นโลกของส่วนนี้มักจะประกอบไปด้วยโลหะผสมระหว่างเหล็กและนิกเกิล ซึ่งเป็นการเทียบเคียงกันกับอุกกาบาตเนื้อเหล็กที่มีการประกอบไปด้วยโลหะผสมกันของเหล็กและนิกเกิล ที่เคยตกลงมาอยู่บนพื้นผิวโลก ด้วยเหตุนี้มันจึงมีความหนาแน่นและใกล้เคียงกันกับแก่นโลกชั้นนี้มาก
- แก่นโลกชั้นนอก ถือได้ว่าเป็นแก่นโลกที่มีความหนาประมาณ 2100 กิโลเมตร ในชั้นบรรยากาศแบบนี้ก็มักจะประกอบไปด้วยโลหะผสมกันระหว่างเหล็กและนิกเกิล เช่นเดียวกันกับแก่นเปลือกโลกชั้นใน แต่ทว่าคาดการณ์ว่ามันจะมีสถานะภาพเป็นของเหลว ที่มีการเคลื่อนที่ในเชิงลักษณะหมุนวนด้วยการนำพาความร้อย ถือได้ว่าเป็นการเคลื่อนที่ที่มีตัวเหนี่ยวนำทำให้เกิดเป็นสนามแม่เหล็กของโลกขึ้น
- ชั้นเนื้อโลก ถือได้ว่าเป็นชั้นเนื้อโลกที่มีความหนาอยู่ที่ประมาณ 2,880 กิโลเมตร โดยมักจะมีการแบ่งแยกออกจากแก่นโลกชั้นนอกด้วยชั้นความไม่ต่อเนื่องเรียกว่าวิเชิร์ตกูเทนเบิร์ก หรือชั้นความไม่ต่อเนื่องโอล์แดม ซึ่งมักจะมีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นแร่ซิลิเกต ทั้งนี้ในระหว่างเนื้อโลกมีชั้นทรานซิชันที่ได้มีการแทรกอยู่ ซึ่งจะส่งผลทำให้เราแบ่งเนื้อโลกได้เป็นเนื้อโลกชั้นล่างและเนื้อโลกชั้นบน เป็นต้น
2.1. เนื้อโลกชั้นล่าง ถือได้ว่ามีความหนาอยู่ที่ประมาณ 2,100 กิโลเมตร พร้อมกับมีสถานะเป็นของแข็งด้วย
2.2. เนื้อโลกชั้นบน ถือได้ว่ามีความหนาอยู่ที่ประมาณ700 กิโลเมตร โดยมักจะมีการแบ่งเป็นเนื้อโลกชั้นบนตอนล่างและเนื้อโลกชั้นบนตอนบน เป็นต้น
- เนื้อโลกชั้นบนตอนล่าง เราจะเรียกสิ่งนี้ว่าว่า ฐานธรณีภาค โดยจะมีลักษณะเป็นของแข็งเนื้ออ่อน จึงมีความหยุ่นในลักษณะที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกันกับดินน้ำมัน ในชั้นนี้มีความร้อนสูง จนส่งผลทำให้แร่บางส่วนหลอมละลายเป็นหินหนืดกลายเป็น Magma โดยแม็กมาจะทำการเคลื่อนที่ในลักษณะของกระแสหมุนวนด้วยการพาความร้อน
- เนื้อโลกชั้นบนตอนบน นั้นก็จะมีลักษณะเป็นหินเนื้อแข็ง และก็ถือได้ว่าเป็นฐานรองรับเปลือกโลก ในส่วนของทวีปต่างๆ เรามักจะเรียกรวมกันว่า ธรณีภาค เป็นต้น
3. ชั้นเปลือกโลก ถือได้ว่าเป็นชั้นที่อยู่ในส่วนที่เป็นภายนอกสุด พร้อมกับมักจะมีความหนาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 22 กิโลเมตร และก็มีการแยกจากชั้นเนื้อโลกด้วยชั้นความไม่ต่อเนื่องโมโฮโรวิซิก ชั้นเปลือกโลกแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนนั้นก็คือ
- ในช่วงของบริเวณชั้นแผ่นเปลือกโลกส่วนของมหาสมุทร ถือได้ว่ามีความหนาอยู่ที่ประมาณ 5 กิโลเมตร ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นบริเวณหินบะซอลต์ ซึ่งจะมีการประกอบไปด้วย เหล็ก แมกนีเซียม ซิลิกอน และออกซิเจน ดังนั้น ในส่วนของบริเวณแผ่นเปลือกโลกส่วนนี้จึงถือได้ว่าไซมา โดยที่อักษรสองตัวแรกนี้เป็นของ ธาตุซิลิกอน และ แมกนิเซียม เป็นต้น
- เปลือกโลกส่วนทวีป ถือได้ว่ามีความหนาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30 กิโลเมตร โดยส่วนใหญ่นั้นมักจะเป็นบริเวณที่มีหินแกรนิต ซึ่งถือได้ว่าเป็นองค์ประกอบของเหล่าบรรดาซิลิกอน อะลูมิเนียม ออกซิเจน โซเดียม และโพแทสเซียม เป็นต้น ด้วยเหตุนี้จึงถูกเรียกชื่อว่า ไซอัล โดยมักจะมาจากอักษรสองตัวแรกของธาตุซิลิกอน กับอะลูมิเนียม ตามลำดับ
ที่มา https://blastosaurus.com/%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2/%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A7/structure-of-the-world/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น