แบบทดสอบหลังเรียน

แบบทดสอบหลังเรียน


แบบทดสอบหลังเรียนวิชา สังคมศึกษา (กฎหมาย ม4-6 )
เลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว

1.เหตุใดประชาชนจึงต้องรู้กฎหมาย
      ก.  เป็นหน้าที่ที่ทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย         
      ข.  ป้องกันมิให้ผู้อื่นมาล่วงล้ำทำละเมิด
      ค.  ป้องกันมิให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ             
      ง.  จะได้รู้สิทธิและหน้าที่ของผู้อื่น
2. ความไม่รู้กฎหมายไม่เป็นข้อแก้ตัว หมายความว่าอะไร
  ก  บุคคลจะปฏิเสธความรับผิดเมื่อฝ่าฝืนกฎหมายไม่ได้
  ข  บุคคลผู้รู้กฎหมายสามารถแก้ตัวให้ตนพ้นความผิดได้
  ค  บุคคลผู้ไม่มีความรู้ทางกฎหมายเมื่อทำผิด ต้องรับผิด
  ง  การกระทำใดของบุคคลที่กระทำลงโดยไม่รู้ว่าเป็นความผิด บุคคลนั้นไม่ต้อง
รับผิด
3. ข้อใดมิใช่กฎหมายลายลักษณ์อักษรที่บัญญัติขึ้นโดยฝ่ายนิติบัญญัติ
         รัฐธรรมนูญ             
          พระราชบัญญัติ
          ประมวลกฎหมาย
           ประกาศกระทรวง             
4.  กฎหมายฉบับใดที่รัฐต้องบัญญัติขึ้นในภาวะฉุกเฉินเร่งด่วนในอันที่จะรักษาความมั่นคงและปลอดภัยแห่งรัฐ
          รัฐธรรมนูญ             
          พระราชบัญญัติ
          พระราชกำหนด
          พระราชกฤษฎีกา     
5. ข้อใดเป็นกฎหมายที่มาจากจารีตประเพณี
         การหย่า
         คดีอุทลุม                     
         นิติกรรม สัญญา
         การรับบุตรบุญธรรม 
6. การแบ่งประเภทของกฎหมายตามลักษณะแห่งการใช้กฎหมาย จะแบ่งกฎหมายได้ตามข้อใด
         กฎหมายเอกชน–กฎหมายมหาชน
         กฎหมายเอกชน–กฎหมายระหว่างประเทศ
         กฎหมายสารบัญญัติ–กฎหมายวิธี- สบัญญัติ
         กฎหมายสารบัญญัติ–กฎหมายระหว่าง ประเทศ
7.กฎหมายรัฐธรรมนูญจัดเป็นกฎหมายประเภทใด
           กฎหมายเอกชน
         กฎหมายมหาชน     
         กฎหมายวิธีสบัญญัติ
           กฎหมายระหว่างประเทศ
8. กฎหมายมีลักษณะสำคัญอย่างไร
        ก. เป็นคำสั่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม
        ข. เป็นบ่อเกิดของความเจริญในสังคม
        ค. ประมุขของรัฐเท่านั้นที่เป็นผู้ตรากฎหมาย
        ง.  เป็นคำสั่งหรือข้อบังคับที่มีข้อยกเว้นให้บุคคลบางประเภท
9. ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับกฎหมาย
        ก.ประมวลกฎหมาย หมายถึง กฎหมายที่รวบรวมกฎหมายหลายๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องกันมาจัดเป็นหมวดหมู่
        ข. กฎหมายเอกชน หมายถึง กฎหมายซึ่งควบคุมความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนต่อเอกชน
       ค.พระราชกำหนด หมายถึง กฎหมายที่รัฐบาลประกาศใช้เป็นการชั่วคราวโดยไม่ต้องผ่านรัฐสภา
       ง. กฎหมายมหาชน เป็นกฎหมายที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่อรัฐ
10. กฎหมายคอมมอนลอว์ (Common Law) มีลักษณะอย่างไร
       ก.นำหลักความเชื่อในศาสนามาเป็นกฎหมายครอบครัวและกฎหมายมรดก
       ข.เป็นกฎหมายที่ให้ความสำคัญต่อเสถียรภาพของรัฐมากกว่าประชาชน
       ค.การพิจารณาพิพากษาถือเป็นตัวบทกฎหมายที่บัญญัติไว้เป็นเกณฑ์
       ง.ถือว่าคำพิพากษาของศาลเป็นที่มากฎหมาย
11 .  จากคำกล่าวที่ว่ากฎหมายต้องมีสภาพบังคับ หมายความว่าอย่างไร
       ก. เป็นคำสั่งที่บังคับใช้ได้ทั่วไป
       ข. เป็นข้อบังคับที่มาจากผู้มีอำนาจ
       ค. เป็นข้อบังคับที่ชัดเจนตายตัว
       ง. เมื่อประกาศใช้กฎหมายแล้ว หากมีผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติ ตาม ผู้นั้นต้องได้รับโทษตามบทบัญญัติของกฎหมาย
12. กฎหมายประเภทใดอยู่ในลำดับศักดิ์ที่ต่ำที่สุด
      ก.ประมวลกฎหมาย
      ข.พระราชบัญญัติ
      ค.พระราชกำหนด
      ง.พระราชกฤษฎีกา
13. ข้อใดแสดงการเรียงลำดับชั้นของกฎหมายได้ถูกต้อง
      ก.รัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง
       ข.พระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง เทศบัญญัติ
      ค.รัฐธรรมนูญ พระราชกำหนด พระราชบัญญัติ
      ง.พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา
14. กฎหมายมีที่มาจากพื้นฐานสังคมหลายประการ ยกเว้นข้อใด
      ก.ศาสนา             ข.จารีตประเพณี
      ค.สภาพเศรษฐกิจ   ง.ค่านิยมของสังคม
15.  กฎหมายประเภทใด คณะรัฐมนตรีเป็นผู้ออกใช้บังคับด้วยเหตุจำเป็นอันเร่งด่วนที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ หรือต้องมีกฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากรและเงินตรา
     ก.กฎกระทรวง                  ข.ข้อบัญญัติ
     ค.พระราชกำหนด   ง.พระราชกฤษฎีกา
16. รัฐธรรมนูญจะสามารถบังคับใช้เป็นกฎหมายปกครองประเทศได้ก็ต่อเมื่อประกาศในหนังสือใด
    ก. ราชกิจจานุเบกษา
    ข. หนังสือพิมพ์ทุกฉบับในประเทศ
    ค. หนังสือประมวลกฎหมายแผ่นดิน
    ง. รายงานการประชุมคณะรัฐมนตรี
17. ประเทศไทยใช้กฎหมายในรูปแบบใด
ก. กฎหมายจารีตประเพณี
ข. กฎหมายลายลักษณ์อักษร
ค. กฎหมายไม่เป็นลายลักษณ์อักษร
ง. กฎหมายอันมีบรรทัดฐานจากคำตัดสินของศาล
18.เป็นกฎหมายซึ่งรัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติ
เป็นผู้จัดทำขึ้น จัดเป็นลักษณะของกฎหมายในข้อใด
ก. กฎกระทรวง        ข. พระราชบัญญัติ
ค. พระราชกฤษฎีกา  ง. รัฐธรรมนูญ
19. กฎหมายในข้อใดที่ใช้บังคับได้เฉพาะในท้องถิ่น ไม่สามารถบังคับใช้ได้ทั้งประเทศ
  ก. กฎกระทรวง       ข. พระราชกฤษฎีกา
  ค. พระราชกำหนด
  ง. กฎหมายที่จัดทำโดยองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
20.ข้อใดมิใช่กฎหมายที่บัญญัติขึ้นโดยองค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่น
  ก. เทศบัญญัติ             ข. พระราชกำหนด
  ค. ข้อบัญญัติจังหวัด      ง. ประกาศเมืองพัทยา     
21.  ข้อใดจัดเป็นกฎหมายเอกชน
  ก. กฎหมายอาญา         ข. กฎหมายปกครอง
  ค. กฎหมายพาณิชย์       ง. กฎหมายระหว่างประเทศ
22. ทรัพย์สินทางปัญญาประเภทใด ไม่ต้องจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานเพื่อคุ้มครองสิทธิ์
ก.หนังสือ            ข.ภาพยนตร์
ค.ละคร                           ง.ถูกทุกข้อ
23. โทษของผู้ที่กระทำความผิดทางแพ่งคือข้อใด
ก. กักขัง             ข. จำคุก
ค. ริบทรัพย์สิน      ง. ชดใช้ค่าเสียหาย
24.เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์และคดีสิ้นสุดลงโดยจำเลยและโจทก์ไม่อุทธรณ์ หน่วยงานใดจะต้องเข้ามาดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาล
 ก. กรมราชทัณฑ์           ข. กรมบังคับคดี
 ค. สภาทนายความ        ง.  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
25.ผู้กระทำความผิดในคดีอาญา โดยมีอายุยังไม่ครบ 18 ปีบริบูรณ์ ตามกฎหมายจะต้องขึ้นศาลประเภทใด
ก.ศาลแขวง                  ข.ศาลผู้เยาว์จังหวัด
ค.ศาลจังหวัด                ง.ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัด
26. ข้อใดเป็นกฎหมายเอกชนที่กำหนดเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของบุคคลตั้งแต่ปฏิสนธิจนกระทั่งตาย
  กฎหมายแพ่ง         
  กฎหมายพาณิชย์    
  กฎหมายปกครอง
  กฎหมายรัฐธรรมนูญ
27.กฎหมายภาษีอากร หรือประมวลรัษฎากร จัดอยู่ในกฎหมายประเภทใด
  กฎหมายเอกชน    
  กฎหมายมหาชน
  กฎหมายปกครอง  
  กฎหมายรัฐธรรมนูญ  
28.นายดำซึ่งมีอาชีพขับรถประจำทางขับรถชนนายแดงถึงแก่
ความตายแล้วหลบหนีไป เมื่อตำรวจตามจับนายดำได้ นายดำ
จะต้องถูกนำตัวมาดำเนินคดีโดยการส่งฟ้องศาลตามข้อใด
      ก.ศาลแพ่ง                       ข.ศาลฎีกา
      ค.ศาลอาญา                     ง.ศาลคดีเด็กและเยาวชน
29. นิติกรรมสัญญาในข้อใดมีผลเป็นโมฆะ
ก.  เด็กชายตุ้ยทำสัญญาซื้อที่นอนจากร้านขายที่นอน
ข.  เด็กหญิงผิงทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินของตนให้มารดา
ค.  เด็กชายเอกทำการรับรองบุตรของตน โดยทำหนังสือรับรองบุตรต่อหน้านายอำเภอ
ง. เด็กหญิงก้อยทำสัญญาซื้อขายบ้านกับนางกิ่ง โดยบิดามารดาของเด็กหญิงก้อยยังมิได้ให้ความยินยอม
30. นิติกรรมในข้อใดมีผลเป็นโมฆียะ
ก. หนุ่มหมั้นกับสาวเมื่ออายุ 16 ปี
ข. นงทำพินัยกรรมเมื่ออายุ 15 ปี
ค. นวลทำสัญญาขายที่ดินเมื่ออายุ 18 ปี
ง. นายจดทะเบียบสมรสซ้อนเมื่ออายุ 19 ปี
31. บุคคลต่อไปนี้เป็นผู้เยาว์ยกเว้นข้อใด
    นางสาวจันทร์ อายุ 16 ปี เป็นผู้วิกลจริต
    เด็กชายอาทิตย์ อายุ 7 ปี เป็นอาของนายเสาร์
    เด็กหญิงสุข อายุ 14 ปี พิการตาบอดทั้ง 2 ข้าง
    นางพุธอายุ 18 ปี ทำการสมรสแล้ว ต่อมาหย่ากับสามีเมื่ออายุได้ 19 ปี
32.บุคคลที่จะรับผู้อื่นเป็นบุตรบุญธรรมจะต้องมีอายุเท่าใด
    ก. 20 ปีบริบูรณ์
    ข. 25 ปีบริบูรณ์
    ค. 30 ปีขึ้นไปและแก่กว่าผู้ที่รับเป็นบุตรอย่างน้อย10 ปี
    ง. 25 ปีขึ้นไปและต้องแก่กว่าผู้ที่รับเป็นบุตรอย่างน้อย 15 ปี
33. ทรัพย์สินใดที่สามารถจำนำได้
  สวนผลไม้                         
ข. บ้านพร้อมที่ดิน
   ตั๋วเงินหรือตั๋วสัญญาใช้เงิน
   สิทธิอาศัยในอสังหาริมทรัพย์ซึ่งได้จดทะเบียนไว้แล้ว
34.  ทรัพย์สินในข้อใดเป็นสินสมรส
   แหวนเพชรซึ่งเป็นแหวนหมั้นของภรรยา
   รถยนต์ที่บิดาของสามียกให้แก่สามีโดยเสน่หา
   ที่ดินที่ภรรยาซื้อมาหลังจากที่สมรสกับสามีแล้ว
   ที่ดินของสามีที่มารดาสามียกให้ก่อนทำการสมรส
35. นิติกรรมในข้อใดจะมีผลเมื่อผู้ทำนิติกรรมนั้นตายแล้ว
   เช็ค                          ข ตั๋วเงิน
   พินัยกรรม               ง สัญญาประกันชีวิต
36. การกู้ยืมเงินต้องมีมูลค่าตั้งแต่กี่บาทขึ้นไปจึงจะมีการทำหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือ เพื่อใช้เป็น หลักฐานในการฟ้องร้องบังคับคดีในกรณีที่ไม่ปฏิบัติตาม
      ก. 300 บาทขึ้นไป             ข. 500 บาทขึ้นไป
      ค. 1,000 บาทขึ้นไป          ง. 2,000 บาทขึ้นไป
37. ข้อใดเกี่ยวข้องกับกฎหมายแพ่ง
     เป็นกฎหมายว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับเอกชน
     เป็นกฎหมายว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับรัฐบาล
   เป็นกฎหมายว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับ  มหาชน
     เป็นกฎหมายว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับรัฐวิสาหกิจ
38.  นิติกรรมใดที่ผู้เยาว์ต้องทำเองเฉพาะตัว
       ก. การให้โดยเสน่หา                 ข. การรับรองบุตร
       ค. การซื้อเครื่องใช้                   ง. การรับพินัยกรรม
39. ชายหญิงที่จะทำการหมั้นกันได้นั้นจะต้องมีอายุครบกี่ปี
      ก. อายุครบสิบห้าปี                
      ข. อายุครบสิบเจ็ดปี
      ค. อายุครบสิบแปดปี
      ง. อายุครบสิบเจ็ดปีโดยได้รับความยินยอมจากบิดา มารดา
40. การหมั้นจะสมบูรณ์เมื่อใด
ก. ชายหญิงทำสัญญากันถูกต้อง
ข. บิดามารดาฝ่ายหญิงได้ให้คำยินยอม
ค. ฝ่ายชายได้มอบสินสอดให้แก่ฝ่ายหญิง
ง. ฝ่ายชายได้ส่งมอบหรือโอนทรัพย์สินอันเป็นของหมั้นให้แก่หญิง
41.การกระทำในทางกฎหมายที่ถือว่าเสียเปล่า ไม่มีผลบังคับ
หรือผูกพันตามกฎหมาย ไม่อาจให้สัตยาบันแก่กันได้ เป็น
ความหมายของอะไร
  ก. สัญญา                                  ข.  นิติกรรม
  ค. โมฆะกรรม                              ง.  โมฆียกรรม
42. แดนจดทะเบียนหย่ากับรินลดา รินลดาจะทำการสมรสใหม่ได้เมื่อเวลาผ่านพ้นไปเท่าใด
ก. ไม่น้อยกว่าสามสิบวัน
ข. ไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวัน
ค. ไม่น้อยกว่าสองร้อยสี่สิบวัน
ง. ไม่น้อยกว่าสามร้อยสิบวัน
43. ตามกฎหมายการสมรสจะสมบูรณ์เมื่อใด
ก. มีการจัดพิธีสมรสถูกต้องตามประเพณี
ข. ชายและหญิงได้จดทะเบียนสมรสกัน
ค. หญิงและชายได้กระทำการหมั้นกันไว้ก่อน
ง. บิดามารดาของทั้งสองฝ่ายยินยอมให้แต่งงานกัน
44.  ทายาทโดยธรรมคือข้อใด

ก. ญาติและคู่สมรส          ข. ญาติและผู้สืบสันดาน
ค. ญาติและผู้รับพินัยกรรม  ง. คู่สมรสและผู้สืบสันดาน
45. เมื่อมีคนเกิดในบ้าน เจ้าบ้านจะต้องแจ้งต่อนายทะเบียนท้องที่ ที่คนเกิดภายในเวลากี่วันนับแต่วันเกิด
ก. สิบห้าวัน                    ข. ยี่สิบห้าวัน
ค. สามสิบวัน                       ง. หกสิบวัน
46. เมื่อมีคนตายในบ้าน เจ้าบ้านจะต้องแจ้งต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่ ที่มีคนตายภายในเวลาเท่าใด
ก. 24 ชั่วโมง                    ข. 7 วัน
ค. 15 วัน                        ง. 30 วัน
47. ทรัพย์สินในข้อใดเป็นสินสมรส
  แหวนเพชรซึ่งเป็นแหวนหมั้นของภรรยา
   รถยนต์ที่บิดาของสามียกให้แก่สามีโดยเสน่หา
   ที่ดินที่ภรรยาซื้อมาหลังจากที่สมรสกับสามีแล้ว
   ที่ดินของสามีที่มารดาสามียกให้ก่อนทำการสมรส
48.  อสังหาริมทรัพย์ คือข้อใด
ก. เรือนแพที่ตั้งอยู่ริมน้ำ   
ข. ชิงช้าสวรรค์ในงานวัด
ค. ตู้โทรศัพท์สาธารณะริมถนน 
ง. กรวดที่โรยบนถนนที่บดอัดแล้ว
49. นาย เอ เป็นบ้าพูดจาไม่รู้เรื่อง ไม่สามารถดำรงชีวิตได้
เหมือนคนปกติ  ในทางกฎหมายเรียก นายเอ ว่าเป็นบุคคลในข้อใด
ก. คนเสียสติ                 ข. คนเสมือนไร้ความสามารถ
ค. คนไร้ความสามารถ    ง.  คนวิกลจริต
            50 . ทรัพย์สินใดที่สามารถจำนำได้
           ก. สวนผลไม้                               
            ข. บ้านพร้อมที่ดิน
            ค. ตั๋วเงินหรือตั๋วสัญญาใช้เงิน
           ง. สิทธิอาศัยในอสังหาริมทรัพย์ซึ่งได้จดทะเบียนไว้แล้ว
51.   ข้อใดเป็นความผิดทางอาญา
    ก. ความผิดเกี่ยวกับศาสนา
    ข. ความผิดเกี่ยวกับการปกครอง
    ค. ความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย
        ง. ถูกทุกข้อ
    52. ข้อใดมิใช่สภาพบังคับทางอาญา
ก.  ปรับ                        ข. กักกัน            
ค.  ริบทรัพย์สิน               ง. ประหารชีวิต
53. ข้อใดเรียงลำดับโทษในกฎหมายอาญาจากหนักที่สุดไปจนถึงเบาที่สุดได้ถูกต้อง
ก.  ประหารชีวิต จำคุก ปรับ กักขัง ริบทรัพย์สิน
ข.  ประหารชีวิต จำคุก กักขัง ปรับ ริบทรัพย์สิน
ค.  ประหารชีวิต กักขัง จำคุก ริบทรัพย์สิน ปรับ
ง.  ประหารชีวิต กักขัง จำคุก ปรับ ริบทรัพย์สิน
54. การกระทำความผิดอาญาข้อใดที่ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษถ้ามีเหตุอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย
ก. กระทำผิดโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
ข. กระทำผิดที่ทำให้เกิดการเสียทรัพย์
ค. กระทำผิดเพราะความบกพร่องทางจิต
ง. กระทำผิดโดยช่วยยุยงให้ผู้อื่นหรือคิดฆ่าตนเอง
55. ชายไทยเมื่ออายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ยังไม่ถึงสามสิบปีบริบูรณ์ ตามกฎหมายมีหน้าที่เข้ารับราชการทหารตามข้อใด
ก.  ทหารกองเกิน              ข. ทหารประจำการ
ค. ทหารกองหนุน              ง. ไม่มีข้อถูก
56. การชิงทรัพย์ผู้อื่น โดยร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป
    ก. ความผิดฐานลักทรัพย์    ข. ความผิดฐานชิงทรัพย์
     ค. ความผิดฐานปล้นทรัพย์  ง.ความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
57. ข้อใดเป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
     ก. ยักยอกทรัพย์ของผู้อื่นแล้ววิ่งหนีไป                     
     ข. ลักทรัพย์ของผู้อื่นแล้วหนีไป
     ค. ลักทรัพย์ของผู้อื่นโดยการฉกฉวยเอาซึ่งหน้า   
     ง. ชิงทรัพย์ของผู้อื่นจนได้ทรัพย์ของผู้นั้นไป
58. ข้อใดถูกต้องในการลำดับชั้นของผู้มีสิทธิได้รับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรม
    ผู้สืบสันดานบิดามารดาคู่สมรส
    บิดามารดาผู้สืบสันดานปู่ย่าตายาย
    ผู้สืบสันดานบิดามารดาปู่ย่าตายาย
    ผู้สืบสันดานบิดามารดาพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
59. การกระทำความผิดอาญาข้อใดที่ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษถ้ามีเหตุอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย
ก. กระทำผิดโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส
ข. กระทำผิดที่ทำให้เกิดการเสียทรัพย์
ค. กระทำผิดเพราะความบกพร่องทางจิต
ง. กระทำผิดโดยช่วยยุยงให้ผู้อื่นหรือคิดฆ่าตนเอง
60.สาเหตุของการกระทำความผิดในข้อใดจะทำให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษทางอาญาหนักขึ้น
ก.  เจตนา                        ข. ประมาท
ค.  พยายาม                     ง. บันดาลโทสะ






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น